หัวหน้า - 1

ข่าว

สารสกัดจากรากขิง จิงเจอรอล ส่วนผสมต้านมะเร็งจากธรรมชาติ

จิงเจอรอล 1

อะไรคือจิงเจอรอล?
จิงเจอรอล (Gingerol) เป็นสารออกฤทธิ์ที่สกัดจากเหง้าขิง (Zingiber officinale) เป็นชื่อเรียกทั่วไปของสารรสเผ็ดที่เกี่ยวข้องกับขิง ซึ่งมีฤทธิ์ต้านลิโปฟัสซินอย่างรุนแรง จิงเจอรอลเป็นส่วนผสมหลักที่มีกลิ่นฉุนในขิง ทำให้มีรสชาติและกลิ่นเผ็ดที่เป็นเอกลักษณ์

คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของจิงเจอรอล
1.คุณสมบัติทางเคมี
ชื่อทางเคมี: จิงเจอรอล
สูตรโมเลกุล: C17H26O4
น้ำหนักโมเลกุล: 294.39 กรัม/โมล
ลักษณะโครงสร้าง: จิงเจอรอลเป็นสารประกอบฟีนอลิกที่มีวงแหวนอะโรมาติกและโซ่ข้างอัลคิลยาว โครงสร้างทางเคมีทำให้มีรสชาติฉุนเฉพาะตัวและมีฤทธิ์ทางชีวภาพหลายอย่าง
ความคงตัว: จิงเจอรอลค่อนข้างคงตัวที่อุณหภูมิห้อง แต่สามารถสลายตัวได้ภายใต้สภาวะอุณหภูมิสูง กรดหรือด่างที่เข้มข้น
ปฏิกิริยา: จิงเจอรอลมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับสารประกอบฟีนอลิกและสามารถเกิดปฏิกิริยาเคมี เช่น ออกซิเดชัน รีดักชัน เอสเทอร์ริฟิเคชัน และอีเทอร์ริฟิเคชัน
สารต้านอนุมูลอิสระ: จิงเจอรอลมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังที่สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระและลดความเสียหายต่อเซลล์ที่เกิดจากความเครียดออกซิเดชัน

2. คุณสมบัติทางกายภาพ
ลักษณะที่ปรากฏ: จิงเจอรอลโดยทั่วไปเป็นผลึกของแข็งสีเหลืองหรือเหลืองอ่อน
กลิ่น : มีรสชาติเผ็ดร้อนเข้มข้น และมีกลิ่นหอมขิงอันเป็นเอกลักษณ์
จุดหลอมเหลว: จุดหลอมเหลวของจิงเจอรอลอยู่ระหว่าง 3032°C
จุดเดือด: จุดเดือดของจิงเจอรอลค่อนข้างสูง โดยปกติจะสูงกว่า 300°C
ความสามารถในการละลาย: จิงเจอรอลละลายได้ในเอทานอล อีเทอร์ และตัวทำละลายอินทรีย์อื่นๆ แต่ไม่ละลายในน้ำ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ตัวทำละลายที่เหมาะสมในการเตรียมและการใช้จิงเจอรอล

จิงเจอรอล 2
จิงเจอรอล 3

ประโยชน์ของมันคืออะไรจิงเจอรอล?
ฤทธิ์ต้านการอักเสบ
1. ลดการอักเสบ: จิงเจอรอลมีคุณสมบัติต้านการอักเสบอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสามารถยับยั้งการผลิตและการปล่อยตัวกลางการอักเสบ และลดปฏิกิริยาการอักเสบ
2. บรรเทาโรคข้ออักเสบ: Gingerol สามารถบรรเทาอาการปวดและการอักเสบที่เกิดจากโรคข้ออักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพและปรับปรุงการทำงานของข้อต่อ

ฤทธิ์ระงับปวด
1. บรรเทาอาการปวด: Gingerol สามารถบรรเทาอาการปวดได้หลายประเภท โดยเฉพาะอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ เช่น โรคข้ออักเสบและอาการปวดกล้ามเนื้อ
2. ลดอาการไมเกรน: ขิงช่วยบรรเทาอาการไมเกรนและอาการปวดหัวประเภทอื่นๆ

ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
1. ต่อต้านอนุมูลอิสระ: ขิงมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังที่ต่อต้านอนุมูลอิสระและลดความเสียหายต่อเซลล์ที่เกิดจากความเครียดออกซิเดชัน
2. การปกป้องเซลล์: ด้วยฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จิงเจอรอลสามารถปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น รังสียูวีและมลภาวะ ป้องกันการแก่ของเซลล์และโรคต่างๆ

ฤทธิ์ต้านมะเร็ง
1. ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง: สารจิงเจอรอลสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ และกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเกิดภาวะอะพอพโทซิส
2. ฤทธิ์ต้านการแพร่กระจาย: จิงเจอรอลมีคุณสมบัติต้านการแพร่กระจายและสามารถยับยั้งการบุกรุกและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้

ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
1. ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย: จิงเจอรอลมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่พันธุ์ของแบคทีเรียก่อโรคได้หลายชนิด
2. ฤทธิ์ต้านไวรัส: จิงเจอรอลมีคุณสมบัติต้านไวรัสซึ่งสามารถยับยั้งการทำงานของไวรัสบางชนิดและเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

สุขภาพระบบย่อยอาหาร
1. ส่งเสริมการย่อยอาหาร: ขิงสามารถกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยและเอนไซม์ย่อยอาหาร ส่งเสริมการย่อยและการดูดซึมอาหาร
2. บรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียน: ขิงมีคุณสมบัติในการแก้คลื่นไส้และอาเจียน และมีประโยชน์อย่างยิ่งในการบรรเทาอาการเมาเรือ เมาเรือ และคลื่นไส้ในระหว่างตั้งครรภ์

สุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
1. ลดความดันโลหิต: สารจิงเจอรอลช่วยลดความดันโลหิต ปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
2. ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด: ขิงมีฤทธิ์ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดและช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง

การปรับภูมิคุ้มกัน
1. เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน: สารจิงเจอรอลสามารถเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและปรับปรุงความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับการติดเชื้อและโรคต่างๆ
2. ฤทธิ์ต่อต้านภูมิแพ้: จิงเจอรอลมีคุณสมบัติต่อต้านภูมิแพ้ ซึ่งสามารถลดอาการแพ้และบรรเทาอาการภูมิแพ้ได้

สุขภาพการเผาผลาญ
1. ควบคุมน้ำตาลในเลือด: จิงเจอรอลช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ปรับปรุงความไวของอินซูลิน และป้องกันและจัดการโรคเบาหวาน
2. ส่งเสริมการเผาผลาญไขมัน: จิงเจอรอลสามารถส่งเสริมการเผาผลาญไขมันและช่วยลดน้ำหนักและควบคุมน้ำหนัก

สุขภาพผิว
1. ต่อต้านวัย: จิงเจอรอลมีคุณสมบัติต่อต้านวัยโดยช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น และปรับปรุงความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว
2. ต้านการอักเสบและซ่อมแซม: จิงเจอรอลสามารถลดการตอบสนองต่อการอักเสบของผิวหนัง ส่งเสริมการสร้างใหม่และซ่อมแซมเซลล์ผิว และปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของผิว

การประยุกต์ใช้มีอะไรบ้างจิงเจอรอล?
สาขาเภสัชกรรม
1. ยาต้านการอักเสบ
- การรักษาโรคข้ออักเสบ: Gingerol ใช้ในยาต้านการอักเสบเพื่อช่วยลดอาการปวดและการอักเสบที่เกิดจากโรคข้ออักเสบและปรับปรุงการทำงานของข้อต่อ
- ยาขี้ผึ้งต้านการอักเสบ: จิงเจอรอลสามารถนำมาทำเป็นยาขี้ผึ้งทาเพื่อบรรเทาอาการอักเสบของผิวหนังและอาการปวดกล้ามเนื้อได้

2. ยาต้านมะเร็ง
- การรักษามะเร็ง: จิงเจอรอลใช้ในยาต้านมะเร็งเพื่อช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งและกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเกิดภาวะอะพอพโทซิส
- การบำบัดเสริม: Gingerol สามารถใช้เป็นการบำบัดเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบำบัดรักษามะเร็งแบบดั้งเดิม

3. ยาช่วยย่อยอาหาร
- ส่งเสริมการย่อยอาหาร: จิงเจอรอลใช้ในยาช่วยย่อยอาหารเพื่อช่วยส่งเสริมการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหารและเอนไซม์ย่อยอาหาร และปรับปรุงการทำงานของระบบย่อยอาหาร
- ยาแก้คลื่นไส้: จิงเจอรอลใช้ในยาแก้คลื่นไส้ โดยเฉพาะการบรรเทาอาการเมาเรือ เมาเรือ และคลื่นไส้ในระหว่างตั้งครรภ์

สาขาผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ
1. ผลิตภัณฑ์สุขภาพต้านอนุมูลอิสระ
- สารต้านอนุมูลอิสระ: จิงเจอรอลใช้ในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสียหายต่อเซลล์จากความเครียดออกซิเดชัน และป้องกันการแก่ของเซลล์และโรค

2. เสริมภูมิคุ้มกัน
- เสริมสร้างการทำงานของภูมิคุ้มกัน: จิงเจอรอลใช้ในสารเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและปรับปรุงความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับการติดเชื้อและโรคต่างๆ

3. สุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
- ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด: จิงเจอรอลถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดเพื่อช่วยลดความดันโลหิต ปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

โซนอาหารและเครื่องดื่ม
1. เครื่องปรุงรส
- เครื่องปรุงรสเผ็ด: ขิงใช้ในเครื่องปรุงรสเพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นเผ็ดที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับอาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มรสชาติ

2. อาหารฟังก์ชัน
- อาหารเพื่อสุขภาพ: จิงเจอรอลใช้ในอาหารเพื่อสุขภาพและให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ และมีประโยชน์ต่อการย่อยอาหาร
- สารเติมแต่งเครื่องดื่ม: จิงเจอรอลใช้ในเครื่องดื่มเพื่อให้มีรสชาติเผ็ดร้อนที่สดชื่นและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมักพบในชาขิงและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

สาขาเครื่องสำอาง
1. ผลิตภัณฑ์ต่อต้านวัย
- ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวต่อต้านวัย:จิงเจอรอลใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวต่อต้านวัยเพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น พร้อมปรับปรุงความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว

2. ผลิตภัณฑ์ต้านการอักเสบและฟื้นฟู
- ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวซ่อมแซม: จิงเจอรอลใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวต้านการอักเสบและซ่อมแซมเพื่อช่วยลดการตอบสนองการอักเสบของผิวหนัง ส่งเสริมการสร้างใหม่และซ่อมแซมเซลล์ผิว และปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของผิว

3. ผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่ง
- ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวให้ขาวขึ้น: จิงเจอรอลใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวให้ขาวขึ้นเพื่อช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดจุดด่างดำและความหมองคล้ำ และทำให้ผิวสว่างขึ้นและเงางามมากขึ้น

การเกษตรและสุขภาพสัตว์
1. การป้องกันพืช
- สารป้องกันเชื้อราจากธรรมชาติ: จิงเจอรอลมีคุณสมบัติในการต่อต้านแบคทีเรียและสามารถใช้ปกป้องพืชเพื่อช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่พันธุ์ของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคพืช

2. สุขภาพสัตว์
- สารเติมแต่งอาหารสัตว์: จิงเจอรอลสามารถใช้เป็นสารเติมแต่งในอาหารสัตว์เพื่อช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของสัตว์และปรับปรุงความต้านทานโรค

จิงเจอรอล 4

คำถามที่เกี่ยวข้องที่คุณอาจสนใจ:
ผลข้างเคียงมีอะไรบ้างจิงเจอรอล?
แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว จิงเจอรอลจะถือว่าปลอดภัย แต่ก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ในบางกรณี ผลข้างเคียงและข้อควรระวังที่อาจเกิดขึ้นจากจิงเจอรอลมีดังนี้:

1. อาการไม่สบายทางเดินอาหาร
- อาการเสียดท้อง: สารจิงเจอรอลอาจทำให้เกิดอาการเสียดท้อง โดยเฉพาะในผู้ที่มีกรดเกินหรือเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร
- โรคท้องร่วง: การรับประทานจิงเจอรอลในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการท้องร่วงได้
- อาการปวดท้องและท้องอืด: บางคนอาจมีอาการปวดท้องหรือท้องอืดหลังจากกินยาจิงเจอรอล

2. อาการแพ้
- อาการแพ้ผิวหนัง: บางคนอาจมีอาการแพ้สารจิงเจอรอลที่ผิวหนัง เช่น ผื่น คัน และมีรอยแดง
- หายใจลำบาก: อาการแพ้รุนแรงอาจทำให้หายใจลำบาก คอบวม และหอบหืดได้

3. ภาวะเลือดจาง
- เพิ่มความเสี่ยงของการมีเลือดออก: จิงเจอรอลมีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือดและอาจเพิ่มความเสี่ยงของการมีเลือดออก โดยเฉพาะในผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น วาร์ฟาริน)

4. ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- อาการภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ: จิงเจอรอลอาจลดระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้เกิดอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย เหงื่อออก และหัวใจเต้นแรง

5. ปฏิกิริยาระหว่างยา
- ปฏิกิริยาระหว่างยา: จิงเจอรอลอาจเกิดปฏิกิริยากับยาบางชนิด ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง ตัวอย่างเช่น จิงเจอรอลอาจเพิ่มประสิทธิภาพของยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาลดเบาหวาน และยาลดความดันโลหิต

สารจิงเจอรอลพบเฉพาะในขิงเท่านั้นหรือไม่?
ในปัจจุบัน จิงเจอรอลถือเป็นสารประกอบเฉพาะของขิงเป็นหลัก และไม่พบจิงเจอรอลในปริมาณที่สำคัญในพืชอื่นๆ

- เหง้าขิง: จิงเจอรอล (Gingerol) พบส่วนใหญ่ในเหง้าขิง และเป็นส่วนประกอบหลักที่มีกลิ่นฉุนของขิง เหง้าขิงไม่เพียงแต่อุดมไปด้วยจิงเจอรอลเท่านั้น แต่ยังมีสารออกฤทธิ์อื่นๆ เช่น จิงเจอรอล โชกาออล และซิงเจอโรน ซึ่งรวมกันแล้วทำให้ขิงมีรสชาติและฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่เป็นเอกลักษณ์
- ขิงสดเทียบกับขิงแห้ง: ขิงเจอรัลพบได้ทั้งในขิงสดและขิงแห้ง แต่ปริมาณและรูปแบบอาจแตกต่างกันไป ขิงสดมีปริมาณขิงเจอรัลสูงกว่า ในขณะที่ขิงแห้งอาจถูกเปลี่ยนเป็นสารประกอบอื่นๆ เช่น โชกาออล บางส่วนในระหว่างการอบแห้งและการแปรรูป

ทำจิงเจอรอลช่วยย่อยอาหาร?
ใช่ จิงเจอรอลเป็นที่ทราบกันดีว่ามีประโยชน์หลายประการต่อการย่อยอาหาร จิงเจอรอลเป็นหนึ่งในสารประกอบออกฤทธิ์หลักที่พบในขิง (Zingiber officinale) และมีส่วนสำคัญต่อสรรพคุณทางยาหลายประการ รวมถึงผลดีต่อระบบย่อยอาหาร ต่อไปนี้คือวิธีที่จิงเจอรอลช่วยในการย่อยอาหาร:

1. กระตุ้นเอนไซม์ย่อยอาหาร

- เพิ่มการทำงานของเอนไซม์: จิงเจอรอลสามารถกระตุ้นการผลิตและการทำงานของเอนไซม์ย่อยอาหาร เช่น อะไมเลสและไลเปส ซึ่งช่วยย่อยคาร์โบไฮเดรตและไขมันตามลำดับ ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร

2. ส่งเสริมการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร

- เพิ่มประสิทธิภาพการขับถ่ายของเสียในกระเพาะอาหาร: จิงเจอรอลได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยส่งเสริมการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร ซึ่งหมายถึงการเคลื่อนตัวของอาหารผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้ ซึ่งสามารถช่วยป้องกันอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย และความรู้สึกไม่สบาย โดยทำให้มั่นใจได้ว่าอาหารเคลื่อนตัวผ่านระบบย่อยอาหารได้อย่างราบรื่น

3. ลดอาการคลื่นไส้และอาเจียน

- สรรพคุณแก้คลื่นไส้: จิงเจอรอลเป็นที่รู้จักกันดีในคุณสมบัติแก้คลื่นไส้ มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการลดอาการคลื่นไส้และอาเจียนที่เกิดจากอาการเมารถ อาการแพ้ท้องระหว่างตั้งครรภ์ และการทำเคมีบำบัด ด้วยเหตุนี้ จิงเจอรอลจึงเป็นยาธรรมชาติที่ได้รับความนิยมสำหรับอาการเหล่านี้

4. บรรเทาอาการไม่สบายทางเดินอาหาร

- บรรเทาอาการท้องอืด: จิงเจอรอลสามารถช่วยบรรเทาเยื่อบุกระเพาะอาหารและลดความรู้สึกไม่สบายทางเดินอาหาร มีการใช้ขิงในการรักษาปัญหาทางเดินอาหารต่างๆ มากมาย เช่น อาหารไม่ย่อย ท้องอืด และท้องเฟ้อ
- คุณสมบัติต้านการอักเสบ: คุณสมบัติต้านการอักเสบของจิงเจอรอลสามารถช่วยลดการอักเสบในทางเดินอาหาร ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่ออาการต่างๆ เช่น โรคกระเพาะและโรคลำไส้แปรปรวน (IBS)

5. ช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหาร

- การดูดซึมที่ดีขึ้น: โดยการส่งเสริมการทำงานของเอนไซม์ย่อยอาหารและเพิ่มการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร จิงเจอรอลสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมของกระบวนการย่อยอาหาร นำไปสู่การดูดซึมสารอาหารที่ดีขึ้น

6. ฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์

- ยับยั้งเชื้อโรค:จิงเจอรอลมีคุณสมบัติต้านจุลชีพที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อโรคที่เป็นอันตรายในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งช่วยให้จุลินทรีย์ในลำไส้มีสุขภาพดีขึ้นและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ

7. บรรเทาอาการท้องผูก

- ฤทธิ์เป็นยาระบาย: ขิงมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้โดยส่งเสริมการเคลื่อนไหวของลำไส้และปรับปรุงสุขภาพระบบย่อยอาหารโดยรวม


เวลาโพสต์: 19 ก.ย. 2567